อยู่ประเทศไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องความร้อนและแดดอันร้อนแรง
นอกจากจะทำร้ายตัวเราแล้ว ยังทำร้ายรถที่เรารักอีกด้วย
อย่าคิดละเลย อย่ามองข้ามไป มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
เรามาดูวิธีง่ายๆแต่มีประโยชน์ ในการดูแลรถที่เรารักกันดีกว่าครับ
1.) คลุมถุงจอด
ง่ายๆ คับ ผ้าคลุมรถ - ช่วยลดความร้อนภายในตัวรถ วิธีนี้ต้องระวังลมหน่อยถ้าลมแรงผ้าอาจะปลิวไปได้หาเชือกหรืออะไรมัดหน่อยก็ดี ของผมขาดไปหลายผืนเหมือนกันผ้าชอบปลิว
แต่ช่วยได้เยอะนะเรื่องลดความร้อนภายในรถ
2.) แง้มนิดๆ
แง้มกระจก - วิธีนี้ก็ดีครับ เบสิคๆ ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
แค่ลดกระจกลงเล็กน้อย หรือลดลงซัก 1-2ซม. ก็ได้
ได้ผลในเรื่องลดความร้อนภายในตัวรถได้ 5-10 องศา(เวลาจอดตากแดด)
แต่มีข้อเสียคือเวลาฝนตก ถึงแม้จะติดกันสาด แต่ถ้าเจอฝนตกแรง น้ำก็เข้ารถได้นะครับ
รถรุ่นที่ตรงมือจับด้านในมีปุ่มกระจกไฟฟ้า ไม่แนะนำให้แง้มครับ
ความชื้น+ละอองฝนที่สาดผ่านรูที่แง้มไว้มันอาจจะทำให้พวกนี้ช๊อต
หรือสนิมขึ้นในวงจรข้างในได้ครับ
3.) ร้อนนักติดม่านบังแดดซะเลย - อันนี้ได้ผลดีกว่าแง้มกระจกครับ ป้องกันแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตัวรถ ช่วยลดความร้อนภายในรถ แต่ลำบากนิดๆ
เทคนิคที่ให้ผลดีคือ ต้องติดทุกด้านครับ คือจะต้องมีม่านกระจกหน้า, กระจกหลัง และม่านกระจกประตูอีก 4อัน
ถ้าติดได้ครบทุกอัน และตัวม่านเป็นรุ่นสะท้อนแสง จะลดความร้อนได้ผลพอๆกับการแง้มกระจกครับ
ส่วนความลำบากคือ จะออกรถทีก็ต้องไล่เก็บม่านจะจอดทีต้องต้องไล่เปิดม่าน แต่ยังไงก็สะดวกกว่าผ้าคลุมรถครับ
4.) เสริมหล่อพร้อมเกราะ - ขัดเคลือบสี ขอแยกเป็นการขัดสีกับเคลือบสี การขัดสีจะขัดหรือไม่ขัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของรถแต่ละคัน
การเคลือบสีรถก็เหมือนการที่คนเราทาโลชั่นกันแดดนั่นแหละ
ควรเคลือบสีบ่อยหน่อย อาจจะเดือนสองเดือน เคลือบครั้งนึงก็ได้
วิธีนี้จะทำให้สีรถดูใหม่อยู่เสมอ และช่วยป้องกันสีหมอง, สีอมเหลือง จากอาการแดดเลีย
และยืดอายุให้สีส่วนที่ทำมาใหม่(หรือซ่อมสี) แตกลายงาช้าลง
แต่อันนี้จะได้ผลดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับสารที่เอามาเคลือบรถ
ไม่ใช่ว่าสักแต่จะเอารถไปเคลือบร้านไหนก็ได้ แล้วจะได้ผลเหมือนกันทุกร้าน
ถ้าสะดวกและมีเวลาว่างจริงๆ จะเคลือบสีเองก็ได้ครับ
*** อธิบายเพิ่มเติม ***
ศัพท์ที่ต้องรู้คือ "ขัดสี" กับ "เคลือบสี"
ขัดสี = คือการที่ใช้สารตัวนึงมาขัดผิวสีรถ (ยกเว้นบางยี่ห้อ เอาสารขัดและสาร
จุดประสงค์คือการเพิ่มระดับการป้องกันผิวสีรถ
ดังนั้นห้ามขัด เพราะการเคลือบรถที่ให้ผลได้สมบูรณ์มันจะต้องเคลือบทุก 1-2 สัปดาห์
(ขึ้นอยู่กับว่าเจอฝนเยอะแค่ไหน และคุณสมบัติของสารที่เคลือบ)
ดังนั้น ถ้าสารเคลือบดันผสมสารขัดสีไปด้วย เท่ากับว่าเราจะขัดสีบ่อยเกินไป
ทำให้สีรถบาง ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าการไม่เคลือบอีก
5.) ก้านปัดน้ำฝน - อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สำคัญนะครับ
หลายคนชอบเข้าใจผิดว่า เวลาจอดรถตากแดด ต้องยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น
เพื่อไม่ให้ยางปัดน้ำฝนเสียไวหรือกรอบเพราะความร้อนจากกระจกที่สูงมาก
แต่วีธีที่ถูกต้องคือปล่อยก้านปัดน้ำฝนไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ต้องยกขึ้นมา
เพราะตัวก้านปัดน้ำฝนเวลาถูกยกไว้นานๆ จะเกิดอาการสปริงข้างในล้าหรือยืดตัว
เวลาเราใช้งานที่ปัดน้ำฝนจะไม่แนบสนิทกับกระจกเหมือนเดิม กวาดน้ำฝนได้ไม่เอี่ยม
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ครับ ต้องเปลี่ยนก้านที่ปัดน้ำฝนใหม่ ทั้งยุ่งยากและแพงด้วย
ฉะนั้นถ้ายางที่ปัดน้ำฝนมันจะเสียก็เปลี่ยนเอาเถอะครับ ไม่กี่ร้อยบาท ราคาถูกกว่าเยอะ
*** สาระความรู้เพิ่มเติม ***
เราจะบอกเคล็ดลับการระบายความร้อนออกจากภายในรถ
ด้วยวิธีง่ายๆครับ ง่ายจริงๆ ไม่เชื่อลองดูได้นะ
เวลาที่เราต้องจอดรถตากแดด ความร้อนจะสะสมภายในรถมาก
เข้าไปนั่งในรถ นี่รู้สึกเหมือนเป็นไก่ในเตาอบเลย
- ง่ายๆครับ แค่เปิดประตูหรือกระจกรถบานหน้าค้างไว้ แค่ด้านเดียว ด้านไหนก็ได้(ซ้ายหรือขวาก็ได้) แต่เปิดแค่ด้านเดียว
- ให้เราทำการเปิด-ปิด ประตูอีกด้านนึง (ถ้าเปิดค้างด้านคนนั่ง ก็มาเปิด-ปิดด้านคนขับ) เปิดปิดเฉยๆ ทำไปสัก5ครั้ง
จะสังเกตุได้ว่าอุณหภูมิลดลงไปมาก (ลดลง7-10องศาเลย)
ง่ายๆแค่นี้เองครับ ช่วยลดความร้อนในรถได้เยอะเลย
แต่ถ้าเบาะหรือพวงมาลัยยังร้อนอยู่ อันนี้ก็ต้องทนเอานะครับฮ่าๆ
#อ่านจบแล้วกดไลค์ด้วยนะครับ
#กดแชร์เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้อ่านต่อ
#ไว้บทความหน้าจะเอาความรู้เรื่องรถมาฝากอีก
#อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ #ขอบคุณที่ติดตามครับ
#ความรู้เรื่องรถยนต์ #รถยนต์ #อู่ซ่อมสีรถยนต์#NPsabisu
หน้าที่เข้าชม | 266,963 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 244,084 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 เม.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |