วันนี้ อู่NP sabisu ก็มีสาระดีๆเด็ดๆ มาฝากคอรักรถ กันอีกแล้วนะฮะ
พูดถึงเรื่องรถก็เป็นสิ่งที่คนเราต้องใช้ทุกวัน เป็นพาหนะคู่กายเลยก็ว่าได้ ใช้ไปนานๆ มันก็ย่อมมีการสึกหรอใช่มะ ก็เหมือนร่างกายคนเรานี่แหละครับ เพราะฉะนั้นเราก็ควรดูแรักษาเค้าด้วยนะครับ
วันนี้ผมก็นำเรื่องของ #การดูแลรักษาเบรครถยนต์ มาฝากให้ทุกคนได้ดูเป็นเกร็ดความรู้นะครับ งั้นไปดูกันเลยว่า
จะต้องรักษาดูแลยังไงบ้างเพื่อที่จะไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว
ไปดูกันเลยคร้าบบบบบบ !!!!!
กระแสข่าวในบ้านเราเดี๋ยวนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของอุบัติเหตุ มีกันไม่เว้นแต่ละวันซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์รถยนต์ที่จะช่วยลดอุบัติเหตุต่างๆได้ หนึ่งในนั้น ก็คงหนีไม่พ้น "ระบบเบรค"
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างมาก เพื่อให้เบรคสามารถใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เพราะหากขาดการดูแล
นั่นอาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถและเพื่อนร่วมทางด้วย การดูแลระบบเบรคจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด
1. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค
น้ำมันเบรคควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายอย่างน้อยปีละครั้ง แม้จะไม่มีการรั่วหรือลดระดับลงก็ตาม เพราะน้ำมันเบรคมีส่วนประกอบมาจากน้ำมันแร่
จึงทำให้รวมตัวกับไอน้ำได้ง่าย อาจทำให้ระบบเบรคเกิดสนิม และความร้อนที่สูงเกินไปจะทำให้เกิดฟองอากาศในท่อน้ำมัน
ฝุ่นผงที่สึกหรอของลูกยางเบรคจะเสียดสีกับแม่่ปั้มเบรค ทำให้กระบอกเบรคเสียหายเร็วขึ้น
น้ำมันเบรคต้องเลือกใช้ให้ตรงกับมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น DOT3 จะไม่สามารถนำน้ำมันเบรคDOT อื่นผสม หรือนำน้ำมันอื่นๆเติมแทน เพราะจะทำให้ลูกยางเบรคบวมได้
2. เช็คระยะห่างผ้าเบรค
ในระบบดรั้มเบรค ระยะห่างระหว่างผ้า และจานเบรคที่มากขึ้น สังเกตได้จากการเหยียบเบรคจะต่ำลง และการดึงเบรคมือที่สูงขึ้น
ระดับน้ำมันเบรคลดต่ำลง ควรต้องทำการถอดจานเบรคมาทำความสะอาด เป่าฝุ่นทิ้ง และตั้งระยะผ้าเบรคให้ชิดขึ้น การตั้งจะใช้ไขควง
เขี่ยเฟืองตั้งให้หมุนตามฟันตั้งด้านหลังจานเบรค ไขล้อให้แน่นสังเกตถ้าล้อเริ่มหมุนฝืดขึ้น ทำทั้ง2ล้อ หรือสังเกตจากเสียงแกรกๆ
เวลาดึงเบรคมือควรจะอยู่ที่5-7แกรก
3. ตรวจสอบผ้าเบรค
ผ้าเบรคเป็นส่วนที่สึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น เพราะมีการเสียดสีทั้งจานเบรคและฝุ่นต่างๆ ควรถอดเช็คประจำ
ผ้าเบรคที่ใช้แล้วความหนาจะลดลงเรื่อยๆ จุดที่ต่ำกว่า 40-30% นั้นไม่ปลอดภัยละ เพราะผ้าเบรคในช่วงที่เหลือน้อย
การสึกหรอจะรวดเร็วกว่าหลายเท่าตัวถ้าถึงระดับบางมาก เนื้อผ้าเบรคอาจหลุดร่อนได้อย่างกะทันหัน เป็นผลให้แผ่นเหล็กสีกับจานเบรคจนเสียหาย
หรือถ้าผ้าเบรคหลุดออกจากฝักเบรค ลูกสูบปั้มเบรคและน้ำมันเบรคจะหลุดออก ที่เรียกกันว่า"เบรคแตก"นั่นเอง
4. เปลี่ยนจานเบรคและการเจียรจานเบรค
การใช้ผ้าเบรคที่มีโลหะผสมอยู่มาก และการปล่อยให้ผ้าเบรคหมดจะทำให้จานเบรคเป็นรอย
กาขับรถลุยน้ำขณะที่จานเบรคร้อน จะทำให้จานเบรคคด หรือบิดตัว ต้องทำการเจียรจาน ด้วยเครื่องมือเจียรจานเบรค ซึ่งทำได้ 2วิธี
การถอดจานเบรคมาเจียรด้วยเครื่องเจียรจานแบบที่ต้องใช้ค่าแรงสูงและอาจต้องมีการเปลี่ยนจารบีลูกปืนล้อใหม่ อีกวิธีคือการใช้เครื่องเจียรจานแบบประชิดล้อ
แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาถอดจานเบรค และลูกปืนล้อ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพดุมล้อและลูกปืนล้อว่าหลวมหรือคดมั้ย
การเจียรจานจะทำให้จานเบรคเบาลง อาจทำให้เกิดการแตกร้าวและคดได้ง่าย ควรเปลี่ยนใหม่โดยเร็วที่สุด
5. การทำความสะอาดจานเบรค
ถ้ามีจารบีหรือสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่จานเบรค ควรใช้นำยาล้างจานเบรคโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทำความสะอาด
ถ้าไม่มีจริงๆแนะนำให้ใช้ทินเนอร์ 100 % หรือ แอลกฮอล์บริสุทธิ์ก็ได้
6. การตรวจสอบสายอ่อนเบรค
ควรตรวจสอบเป็นประจำสม่ำเสมอถ้าเห็นว่ามีอาการบวม บิดคดเสียรูป ปลอกหุ้มภายนอกฉีกขาด
หรือมีการเสียดสี ควรรีบเปลี่ยนทันทีเพราะอาจจะเกิดการแตกได้ง่ายๆ
7. ล้างและเปลี่ยนชุดซ่อมเบรค
เบรคที่ได้รับการใช้งานอยู่ประจำ ควรได้รับการเปลี่ยนชุดซ่อมจำพวกลูกยางแม่ปั๊มเบรค ลูกยางลูกสูบเบรค และยางกันฝุ่น
อย่างน้อย2-4ปี/ครั้ง หรือถ้ามีการลุยน้ำต้องรีบตรวจเช็คทันที เพราะลูกยางกันฝุ่นที่เก่าหมดสภาพ จะไม่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้
น้ำที่ซึมผ่านเข้าไปในกระบอกเบรคและแม่ปั้มเบรคจะทำลายลูกสูบเบรคให้เกิดสนิม เป็นตามด ในกระบอกเบรค ทำให้เกิดอาการเบรคติด
หรือน้ำมันเบรครั่วซึม
หน้าที่เข้าชม | 266,963 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 244,084 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 เม.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |